Friday, May 15, 2009

ช้างเร่ร่อน น่าสงสาร - ซื้อกล้วยและอ้อยให้ดีไหม? Roaming elephants - Should we feed them?



ช้างไปเร่ร่อน-ทุกข์ของช้าง สะเทือนใจผู้พบเห็น







  • ช้างเร่ร่อนในเมืองต่างๆไม่ว่าจะเป็นในกรุงเทพฯ ปริมณฑล เชียงใหม่ หรือเมืองอื่นๆนั้นล้วนเสี่ยงต่อการถูกรถชนโดยเฉพาะตั้งแต่เวลาใกล้ค่ำ นอกจากนี้ช้างเร่ร่อนยังได้รับอาหารไม่พอเพียงทั้งในด้านปริมาณและคุณภาพเพราะช้างต้องการอาหารเป็นร้อยๆกิโลกรัมต่อวัน เป็นไปไม่ได้ที่ผู้นำช้างออกเร่ร่อนจะสามารถเตรียมหรือหาอาหารได้พอเพียง ช้างเร่ร่อนไม่มีน้ำสะอาดในปริมาณพอเพียงสำหรับดื่มกิน และอาบเพื่อระบายความร้อนและรักษาความสะอาดของร่างกาย ต้องหายใจเอาฝุ่นควันจากท้องถนน พวกเขาจึงเสี่ยงต่อการเจ็บป่วยอย่างยิ่ง นอกจากนี้ความเครียดจากสิ่งต่างๆที่พวกเขาต้องผจญอยู่ทุกๆวันในเมืองเหล่านี้บั่นทอนสุขภาพกายและใจ และอาจทำให้เขาหงุดหงิดถึงขั้นอาละวาดหรือตื่นตระหนกวิ่งพล่านซึ่งจะเป็นอันตรายต่อคน และในที่สุดพวกเขาก็จะอาจถูกคนทำร้ายเพื่อหยุดการอาละวาดนั้น
  • กรณีพลายบัวจูมอายุ 30 ปี ถูกรถบรรทุกชนเสียชิวิตบนถนนมิตรภาพ โคราช ปี2508



  • พังฮันนี่ อายุ2ขวบครึ่ง ช้างแสดงเร่ร่อนถูกรถชนขาหักที่จังหวักลำพูนเมื่อ 3 พฤศจิกายน 2536 ทรมานด้วยพิษบาดแผลกว่า 2 เดือนก่อนจะเสียชีวิต, ธีรภาพ โลหิตกุล, คนรักษ์ช้าง (ประพันธ์สาส์น, ตุลาคม 2544)




  • พลายจ็อคกี้ทำร้ายคนเลี้ยงและถูกเจ้าหน้าที่ยิงตาย พศ.2538
  • พังแสงเดือนเดินตกท่อแถวเดอะมอลล์ท่าพระ เมื่อ 21มกราคม2547
  • ประมาณปี 2544 พลายรุ่งเรือง ช้างเร่ร่อนตื่นตกใจวิ่งพล่านกลางถนนอุรุพงษ์ ถูกทีมกู้ภัยสัตวแพทย์จับตัวและส่งกลับสุรินทร์ ปัจจุบันพลายรุ่งเรืองอยู่ในความดูแลของศูนย์อนุรักษ์ช้างไทยจังหวัดลำปาง โดยคุณหมอนลินี ไพบูลย์ เจ้าของผู้ขอซื้อพลายรุ่งเรืองเพื่อให้พ้นจากการเป็นช้างเร่ร่อนในคราวนั้น ยังคงเป็นผู้สนับสนุนค่าใช้จ่ายเดือนละหลายหมื่นบาท

  • พลายโตโต้ช้างเร่ร่อนดึงเถาวัลย์กินถูกไฟดูดตายแถวบางขุนเทียน เมื่อกรกฎาคม 2547 อายุเพียง4 ปี, (ที่มา หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ, หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ และหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ)
  • กรณีล่าสุด พลายบุญมีอายุเพียง 7 ปีช้างเร่ร่อน ถูกรถชนเสียชีวิตที่ถนนศรีนครินทร์ ย่านลำสาลีเมื่อกลางดึกเวลาประมาณหนึ่งนาฬิกา วันที่16 ตุลาคม 2551 (หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ 17 ตุลาคม 2551)]
ช้างเร่ร่อนเป็นเรื่องที่ผู้คนส่วนใหญ่ในเมืองไม่อยากพบเห็น และเมื่อพบก็อยากจะช่วยช้างนั้นให้พ้นจากสภาพที่ช้างเผชิญอยู่ ในอดีตมีคนไม่น้อยที่พอมีฐานะและได้ควักกระเป๋าซื้อช้างเร่รอนที่ตนไปพบเข้า และหาที่อยู่ใหม่ตามกำลังความสามารถของแต่ละคน แต่ปัจจุบันแม้จะขอซื้อช้างเร่ร่อนนั้นก็ทำได้ยากเสียแล้ว เพราะถ้าคนที่นำมาเร่ร่อนเป็นเจ้าของ ก็จะฉวยโอกาสโก่งราคาจนน่าโมโห การซื้อขายก็ไม่อาจเกิดขึ้นได้ อีกประเภทหนึ่งคือคนนำช้างมาเร่ร่อนไม่ใช่เจ้าของ แต่เช่าเขามา จึงไม่สามารถขายช้างได้ ตามความเห็นของผู้เขียน หากจะช่วยช้างที่ถูกนำมาเร่ร่อน และทำให้เรื่องแบบนี้หมดไป ผู้พบเห็นทุกคน ไม่เว้นแม้แต่คนเดียวต้องพร้อมใจกัน ทำใจแข็งหันหลังให้ช้างนั้นเลย ไม่ยุ่งเกี่ยวไม่ซื้ออาหารจากคนนั้น ไม่ใช้บริการเช่นลอดท้องช้าง ถ่ายรูปกับช้างฯลฯ เพื่อให้การนำช้างมาเร่ร่อนนั้นไม่สามารถสร้างรายได้อีกต่อไป หากเรารู้สึกว่าต้องการช่วยเหลือช้างอย่างยิ่ง ไม่อยากเพิกเฉยต่อมัน ถ้าพอจะทำได้ ก็อาจจะเตรียมอาหารที่ล้างมาอย่างสะอาดมาเอง(ไม่ซื้อจากคนจูงช้าง)เพื่อให้แก่ช้างนั้น ทั้งนี้คงต้องขึ้นอยู่กับว่าผู้ที่จูงช้างเร่ร่อนนั้นยินยอมด้วย มิฉะนั้นอาจกลายเป็นการทะเลาะวิวาทกันไป

No comments:

Post a Comment